ความยั่งยืน (Sustainability) กับบทบาทของที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้างในยุคใหม่

Last updated: 1 ก.ค. 2568  |  292 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ความยั่งยืน (Sustainability) กับบทบาทของที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้างในยุคใหม่

เสริมพลังความยั่งยืนจากรากฐาน สู่อนาคตของวงการก่อสร้างไทย

อุตสาหกรรมก่อสร้างปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 40% ของทั้งหมดทั่วโลก
นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลข — แต่มันคือเสียงเตือนว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนอนาคตของโลก… เราต้องเริ่มจาก “วิธีที่เราสร้าง”

ในยุคที่โลกเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ "ความยั่งยืน" (Sustainability) มิใช่เพียงแค่แนวคิดที่สวยหรูอีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็นแกนกลางในการพัฒนาโครงการก่อสร้างทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ท่ามกลางบริบทใหม่นี้ บทบาทของ “ที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้าง” จึงต้องปรับเปลี่ยนจากเพียงผู้ควบคุมมาตรฐานทางเทคนิค มาเป็น “ผู้นำทางความยั่งยืน” ที่สามารถแนะนำแนวทางการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน 

ในสมรภูมิแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
“ที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้าง” ไม่ใช่แค่ผู้ควบคุมแบบอีกต่อไป — แต่คือ หัวหอกของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

จากความซับซ้อนของแนวคิดความยั่งยืน ที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้างในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียง “ผู้ตรวจสอบแบบ-ควบคุมงบ” เท่านั้น แต่ได้กลายเป็น “พาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์” ของเจ้าของโครงการ ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็น "ผู้นำทางสู่ความยั่งยืน" ในทุกขั้นตอนของโครงการ โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้: 

 1. ผู้ให้คำแนะนำและวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability Strategist)

  • วางแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ระยะก่อนออกแบบ (Early Design Involvement): ที่ปรึกษาสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้ระบบก่อสร้าง เทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน และวัสดุที่ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การวิเคราะห์และประเมินผลกระทบ: ที่ปรึกษาฯ ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของโครงการตั้งแต่เริ่มต้น (Life Cycle Assessment - LCA) เพื่อระบุจุดที่สามารถปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA/ESIA) และออกแบบแนวทางบรรเทาอย่างเป็นรูปธรรม: ซึ่งเป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างการลงทุนกับการยอมรับของสังคม
  • การกำหนดเป้าหมายและมาตรฐาน: ให้คำแนะนำในการกำหนดเป้าหมายความยั่งยืนที่ชัดเจนและวัดผลได้ เช่น การขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียว (เช่น LEED, TREES, WELL) ซึ่งกำลังเป็นเกณฑ์การตัดสินใจของนักลงทุนทั่วโลก
  • การบูรณาการในทุกขั้นตอน: ช่วยบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การวางแผนการก่อสร้าง การบริหารจัดการไซต์งาน และการบำรุงรักษาอาคาร

2. ผู้ประสานงานและสื่อสาร (Facilitator and Communicator)

  • การสร้างความเข้าใจร่วม: ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเจ้าของโครงการ สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายและแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน
  • การสื่อสารประโยชน์: สื่อสารให้เห็นถึงประโยชน์ของการลงทุนในแนวทางที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการประหยัดพลังงานในระยะยาว ภาพลักษณ์องค์กรที่ดีขึ้น และการเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สิน
  • การติดตามและรายงานผล: ช่วยติดตามความคืบหน้าและรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
  • สร้างความตระหนักรู้แก่ทีมก่อสร้างและผู้ใช้อาคารในอนาคต: เพราะการก่อสร้างที่ยั่งยืนไม่อาจสำเร็จได้ หากปราศจากความร่วมมือของทุกฝ่าย

3. ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียว (Green Technology and Innovation Expert)

  • การนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ: แนะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยส่งเสริมความยั่งยืน เช่น ระบบพลังงานแสงอาทิตย์, ระบบบำบัดน้ำเสียแบบปิด, การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, ระบบอาคารอัจฉริยะ (Smart Building) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
  • การวิเคราะห์ความคุ้มค่า: ช่วยประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว โดยพิจารณาจากผลตอบแทนในระยะยาว (Return on Investment - ROI) และประโยชน์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน (Non-monetary Benefits)
  • ผลักดันแนวคิด Construction Circularity: โดยการรีไซเคิลวัสดุ แยกขยะ ณ แหล่งกำเนิด และเลือกใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลดการเกิดของเสียและลดการใช้ทรัพยากรใหม่

4. ผู้บริหารความเสี่ยงและผู้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Risk Manager and Compliance Officer)

  • การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ: ให้คำปรึกษาเพื่อให้โครงการเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนับวันจะมีความเข้มงวดมากขึ้น
  • การประเมินและบริหารความเสี่ยง: ระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และวางแผนการบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้น
  • การสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ: การดำเนินโครงการอย่างยั่งยืนช่วยสร้างชื่อเสียงที่ดีและความน่าเชื่อถือให้กับทั้งเจ้าของโครงการและที่ปรึกษาฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน

ความท้าทายและโอกาสสำหรับที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้าง

การก้าวสู่บทบาทที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนย่อมมาพร้อมความท้าทาย ที่ปรึกษาฯ ต้องลงทุนกับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์หมุนเวียน เทคโนโลยีสีเขียว และกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับความคิดที่ยังไม่เปิดกว้างของบางภาคส่วนที่ยังมองว่าความยั่งยืนเป็นภาระหรือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้ย่อมนำมาซึ่งโอกาสมหาศาล ที่ปรึกษาที่สามารถพิสูจน์ตนเองว่าเป็นผู้ขับเคลื่อนความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง จะกลายเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาด สร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังเป็นการมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับโลกใบนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างการก่อสร้างให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากยิ่งขึ้น

สู่ยุคใหม่ของวงการก่อสร้างไทย: เปลี่ยนผ่านด้วยมือที่ปรึกษา

ในฐานะที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้าง การเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางที่ยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น ความรับผิดชอบต่อสังคม และต่ออนาคตของวงการก่อสร้างไทย เราต้องกล้าที่จะตั้งคำถามใหม่ ๆ กับวิธีเดิม ๆ พร้อมเปิดรับนวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ที่หลากหลาย เพื่อสร้าง “ระบบนิเวศแห่งความยั่งยืน” ที่ไม่หยุดอยู่แค่ตัวอาคาร แต่อยู่ในจิตสำนึกของผู้พัฒนา ผู้ใช้ และสังคมโดยรวม

แล้วองค์กรควรเริ่มอย่างไร?

อย่ารอให้คู่แข่งเปลี่ยนก่อน
เพราะใครเริ่มก่อน... จะ “ได้เปรียบ” ทั้งด้านต้นทุนและภาพลักษณ์

เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เช่น:

  • บูรณาการ ESG ในขั้นตอนวางแผน
  • จัดเวิร์กชอปให้ทีมเข้าใจ Circular Economy
  • ทดลองขอรับรองอาคารเขียวกับโครงการนำร่อง

บทสรุป: เราไม่ได้สร้างแค่อาคาร แต่เรากำลังลงเสาเข็มให้กับอนาคตของโลกใบนี้

ความยั่งยืนไม่ใช่ปลายทาง แต่คือเส้นทางที่ต้องก้าวเดินไปพร้อมกัน
และที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้างคือผู้ชี้ทิศทางเส้นทางนั้น ด้วยความรู้ ความรับผิดชอบ และหัวใจที่มุ่งมั่นต่อโลกใบนี้

ในทุกโครงการก่อสร้างที่เรารับผิดชอบ
เราไม่ได้สร้างแค่อาคาร แต่เรากำลัง สร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน

“Sustainability is no longer a ‘nice-to-have’ — it’s a must.”
และที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้าง คือผู้ที่ต้องลุกขึ้นมาเป็นแนวหน้าในครั้งนี้

หากคุณคือเจ้าของโครงการ นักออกแบบ หรือผู้บริหารงานก่อสร้าง  ถึงเวลาที่เราจะไม่ถามว่า

“จะยั่งยืนหรือไม่?”      แต่ต้องถามว่า     

“จะยั่งยืนอย่างไรให้สร้างกำไรและคุณค่าร่วมได้จริง”

 

เพราะเรา คือ กระดุมเม็ดแรกของ การก่อสร้าง

และการก่อสร้างที่ดี ต้องเริ่มจาก “กระดุมเม็ดแรก” ที่คิดถึงอนาคตเสมอ

บทความโดย: เอ๋ i 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้